Appreciation

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาสพงศ์ ศรีพิจารณ์

คณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


ก่อนที่ผมจะได้ไปร่วมค่ายอักษร - ศิลป์ เพื่อน้อง โรงเรียนตำรวจ ตระเวนชายแดนจุฬา-ธรรมศาสตร์ ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่สามแล้วในปี พ.ศ.2562 นี้ผมได้ยินเรื่องราวต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับค่ายนี้ ในฐานะที่อยู่ในทีมบริหารของท่านอดีตคณบดีคณะศิลปศาสตร์ รองศาสตราจารย์ ดร.ดำรงค์ อดุลยฤทธิกุล ที่ได้ให้การสนับสนุน และเดินทางไปเยี่ยมค่ายด้วยตัวเองในสองปีแรก ได้ยินเรื่องราว และความประทับใจจากคำบอกเล่าของอาจารย์ ดร.วิชาติ บูรณะประเสริฐสุข ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วและเป็นผู้ร่วมบุกเบิก ค่ายนี้รวมถึงการสร้างอาคารอเนกประสงค์สำหรับผู้ไปร่วม กิิจกรรมที่โรงเรียน ภาพของค่ายที่ผมมีก่อนหน้านี้คือค่าย ที่ร้องเพลงเพราะและวิวสวย แต่เมื่อผมได้มีโอกาสไปสัมผัส และเยี่ยมค่ายจริงๆเป็นครังแรกและไปในฐานะคณบดีด้วย ผมจึงรู้จัก "ค่ายในตำนาน" นี้จริง ๆ สักที ผมจึงกล้าพูดได้ อย่างเต็มที่ว่าค่ายอักษร - ศิลป์ นี้เป็นค่ายที่มีความพิเศษจริง ๆ ในหลาย ๆ ด้าน ตั้งแต่เป็นค่ายที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง ผู้บริหาร อาจารย์ และนักศึกษาจากหลายสถาบันซึ่งไม่ใช่เป็น เรื่องที่เกิดขึ้นและทำได้อย่างต่อเนื่องโดยง่าย เป็นค่ายที่มี การทำ งานเป็นระบบ มีการเตรียมตัวอย่างดี มีการทำ workshop แก่ชาวค่ายเพื่อให้ได้งานที่ตรงตามความคาดหวังและมีปัญหา น้อยที่สุดเมื่อไปเริ่มทำงานที่หน้างาน

เมื่อได้รู้จักค่ายนี้มากขึ้น ผมคิดว่าค่ายนี้เป็นค่ายที่มีชีวิต มีการเติบโต มีการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาอย่างเป็น ระบบจนทำให้ค่ายในปีที่สามนี้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นทั้งด้าน เนื้อหาสาระและรูปแบบกิจกรรม และดูเป็นค่ายที่มีความ เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเมื่อทางอาจารย์เปิดโอกาสให้น้อง ๆ นักศึกษา ได้มีบทบาทมากขึ้นในการเตรียมค่ายและการนำกิจกรรม แก่่น้้อง ๆ ที่โรงเรียนและการลงเก็บข้อมูลกับชุมชน และเมื่อ ได้ไปเยี่ยมค่ายแล้วก็ยิ่งมีความประทับใจในความทุ่มเทเสียสละ ในการนำกิจกรรมของ อาจารย์ ดร.ศุุภพร สุวรรณภักดีและทีมงาน ที่เข้มแข็งจากสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนาและอาจารย์จาก สถาบันเครือข่ายที่มาร่วมงานกัน ได้เห็นการทำงานร่วมกัน อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของนักศึกษาจากต่างสถาบัน ซึ่งแม้จะมีปัญหาหรือความไม่เข้าใจกันบ้างและทุกคนก็ทำงาน ของตนอย่างเต็มที่และสุดท้ายทุกอย่างก็สำเร็จตามที่วางแผนไว้ ประทับใจคุณครูใหญ่และทุก ๆ คนที่โรงเรียนที่ดูแลพวกเรา เป็นอย่างดี รวมถึงเด็ก ๆ ที่โรงเรียนและจากชุมชนที่ตั้งใจ และตั้งหน้าตั้งตารอมาร่วมกิจกรรมที่เราจัด และแน่นอน ค่ายนี้ มีความพิเศษตรงที่มีการใช้เสียงเพลง ดนตรี และการแสดง เป็นเครื่องมือในการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่าง เรากับชุมชน ซึ่งต่างจากค่ายอื่นที่เราคิดว่าเราเป็นผู้ไปให้ เป็นผู้ไปสอนเท่านั้น

ในนามของชาวศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผมจึงขอแสดงความยินดีและชื่นชมต่อความสำเร็จของค่ายในปีนี้ และหวังว่าจะได้มีโอกาสไปร่วมและเห็นความเติบโตของค่ายนี้ ต่อไปอีกนานแสนนาน