Darkness Visible

การแสดงในโครงการบริการวิชาการเพื่อสังคมด้านดนตรีคลาสสิก (Musique de la vie) ภายใต้คอนเสิร์ต ”Darkness Visible: Adès, Beethoven, Shostakovich” ควบคุมการแสดงโดย อาจารย์ Elissa Miller Kay อาจารย์ประจำสำนักวิชาดุริยางค์ศาสตร์ ในการแสดงดังกล่าวได้นำเสนอเรื่องราวของ “ความมืด” (Darknesse) ที่มีนัยยะซ่อนเร้นที่หลากหลาย ทั้งความไม่รู้ ความมืดบอดทางปัญญา ปีศาจร้านย ความตาย ความโศกเศร้า ความโกรธ แต่ก็อาจหมายถึงความโดดเดี่ยว การบำเพ็ญสมาธิ และสันติภาพได้อีกเช่นกัน 

บทประพันธ์ที่นำเสนอในการแสดงครั้งนี้ ได้ถ่ายทอดแง่มุมของความมืดที่แตกต่างกันไป อาทิ บทประพันธ์ Darknesse Visible โดย Tomas Adès จะพาเราไปดื่ใด่ำกับเพลงร้อง “In Darkness Let Me Dwell” ของ John Dowland คีตกวียุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการซึ่งถูกประพันธ์ไว้อย่างประณีต งดงาม และเพลง Piano Sonata Op. 27 No. 2 บทประพันธ์ชื่อดังของ Beethoven เริ่มต้นด้วยท่อน adagio ที่คุ้นหู ชวยให้ผู้ฟังจากรุ่นสู่รุ่นจินตนาการถึงความงามของแสงจันทร์ และบทประพันธ์สุดท้ายคือ Piano Trio No. 2 in e minor ของ Shostakovich ที่มีพลังทำลายล้างให้แสงสว่างแก้ความมืดแห่งสงครามและการสูญเสีย

The meanings of darkness are manifold: the unknown, ignorance, evil, death, sadness, anger; but also solitude, contemplation, and peace. The three works on this evening’s program each give expression to a

different facet of darkness: Thomas Adès’ Darkness Visible takes us on an immersive journey into Renaissance composer John Dowland’s exquisite song, “In Darkness Let Me Dwell;” Beethoven’s celebrated piano sonata Op. 27 No. 2 opens with a haunting adagio that generations of listeners have associated with the beauty of moonlight; and Shostakovich’s devastating Piano Trio No. 2 in e minor illuminates the darkness of war and loss.